อย่างไรก็ตาม ความท้าทายสำคัญของอัลลิซินคือ ความไม่เสถียร เนื่องจากสารนี้
สลายตัวได้ง่ายเมื่อสัมผัสกับความชื้นหรืออุณหภูมิสูง ทำให้ยากต่อการเก็บรักษา
และนำมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบผลิตภัณฑ์อย่างเต็มที่

การพลิกโฉมอัลลิซินด้วยนาโนเทคโนโลยี

เพื่อตอบโจทย์ข้อจำกัดดังกล่าว นักวิจัยจาก ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (NANOTEC) สวทช. ได้พัฒนานวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยีระดับนาโนเข้ามาช่วย
ในการ กักเก็บและควบคุมการปลดปล่อยสารอัลลิซิน โดยเปลี่ยนให้อยู่ในรูปแบบ
ของ อนุภาคนาโนไขมัน (Lipid Nanoparticles)

อนุภาคนาโนนี้ทำหน้าที่เสมือน “แคปซูลขนาดจิ๋ว” ที่สามารถกักเก็บสารสกัด
กระเทียมไว้ภายใน ช่วยป้องกันการเสื่อมสลายเมื่อเจอความชื้นหรือความร้อน อีกทั้งยังควบคุมการปลดปล่อยสารออกฤทธิ์ให้คงอยู่ได้นานและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นวัตกรรมนี้ไม่เพียงแก้ปัญหาความไม่เสถียรของอัลลิซิน แต่ยังช่วยเพิ่ม
โอกาสในการต่อยอดเชิงพาณิชย์สำหรับอุตสาหกรรมอาหารเสริม สุขภาพ และการแพทย์

ผลการวิจัยที่น่าจับตามอง

งานวิจัยเบื้องต้นในระดับห้องปฏิบัติการพบว่า อนุภาคนาโนกักเก็บสารสกัด
กระเทียม มีฤทธิ์ในการ ยับยั้งเซลล์มะเร็งลำไส้ ได้ดีกว่าทั้งสารสกัดกระเทียมปกติ
และอนุภาคเปล่าที่ไม่มีการบรรจุสาร นั่นหมายความว่าเทคโนโลยีนี้ช่วยเพิ่ม
ศักยภาพการออกฤทธิ์ของสารอัลลิซินได้จริง และเป็นก้าวสำคัญของการประยุกต์
ใช้สมุนไพรไทยในระดับนวัตกรรมสุขภาพ

นอกจากนี้ NANOTEC ยังได้พัฒนาอนุภาคนาโนให้อยู่ในรูป เม็ดบีดส์ สำหรับรับประทานโดยออกแบบให้สารสำคัญแตกตัวที่ลำไส้และดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย
ได้มากขึ้น วิธีการนี้ช่วยคงคุณสมบัติและฤทธิ์ของสารอัลลิซินไว้ได้ดีกว่าเดิม และเพิ่มประสิทธิภาพในการนำไปใช้จริงในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือนวัตกรรมสุขภาพ

อัลลิซิน: สารออกฤทธิ์ที่มีคุณประโยชน์รอบด้าน

คุณสมบัติของอัลลิซินที่ได้รับการยืนยันจากงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่:

• ต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant): ลดความเสื่อมของเซลล์และชะลอวัย
• ป้องกันมะเร็ง (Anti-cancer): มีรายงานการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม
• เสริมภูมิคุ้มกัน (Immune Booster): กระตุ้นการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน
• ควบคุมระดับไขมันและคอเลสเตอรอล: ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
• ต้านการอักเสบและสมานแผล: ส่งเสริมการฟื้นฟูของร่างกาย
• ยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด: ลดความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือดและโรคเส้นเลือดอุดตัน
• ต้านจุลชีพ (Antimicrobial): ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัสได้หลายชนิด

“อัลลิซิน” จากกระเทียมเป็นสารสำคัญที่มีคุณค่ามหาศาลต่อสุขภาพ แต่ข้อจำกัด
ด้านความไม่เสถียรทำให้การใช้งานเชิงพาณิชย์ยังมีความท้าทาย งานวิจัยจาก ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (NANOTEC) สวทช. ได้แสดงให้เห็นถึงแนวทาง
ใหม่ในการใช้ นาโนเทคโนโลยี มาพัฒนาอัลลิซินในรูปแบบอนุภาคนาโนไขมันและ
นาโนบีดส์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกักเก็บ ควบคุมการปลดปล่อย และยืดอายุ
การออกฤทธิ์ ผลลัพธ์จากห้องปฏิบัติการยืนยันว่าเทคโนโลยีนี้สามารถเพิ่ม
ศักยภาพของอัลลิซินในการยับยั้งเซลล์มะเร็งและเสริมคุณค่าด้านสุขภาพได้จริง

วันที่ 31 กรกฎาคม 2568  ณ ห้องประชุม YT-711 ชั้น 7 อาคาร สวทช. (โยธี) ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ – ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ร่วมกับ สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) จัดการประชุมคณะทำงานการจัดทำแผนที่นำทางการวิจัยและพัฒนานาโนเทคโนโลยีของประเทศไทย พ.ศ. 2571-2575 ครั้งที่ 3/2568   ร่วมสรุปผลจากการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 14 กรกฏาคม 2568 ที่ผ่านมา พร้อมหารือข้อเสนอแนะจากการประชุมระดมความเห็นในด้านต่างๆ สู่การจัดทำ Technology Roadmap ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้จริงทุกภาคส่วน

เตรียมพบกับการจัดสัมมนาประชาพิจารณ์การจัดทำแผนที่นำทางการวิจัยและพัฒนานาโนเทคโนโลยีของประเทศไทย พ.ศ. 2571-2575 ในงาน อว.แฟร์ ครั้งที่ 2 วันที่ 14 สิงหาคม 2568 เวลา 09.00 -12.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ชั้น 2 ห้อง MR 210 CD

ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่: https://www.nxpo.or.th/nnTRMhearing

วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ณ สำนักงานใหญ่เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) – สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) ยกทัพนวัตกรรม ไม่ว่าจะเป็น N-Sense: ต้นแบบอุปกรณ์วิเคราะห์สารตกค้าง BY2 (Basic Yellow 2) ในทุเรียนแบบพกพา, ชุดตรวจการปนเปื้อนโลหะหนักและสารพิษตกค้าง และนวัตกรรมปุ๋ยควบคุมการปลดปล่อยด้วยนาโนเทคโนโลยี เข้าร่วมนำเสนอในกิจกรรมสัมมนา “การจัดการทุเรียนไทยในวันที่โลกรวน: เทคโนโลยีและข้อมูลนำทาง เพื่อลดความเสี่ยง เพิ่มความยั่งยืน” ที่จัดขึ้นโดยสมาพันธ์ชาวสวนทุเรียนไทยภาคตะวันออก หอการค้าจังหวัดระยอง และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ซึ่งได้รับเกียรติจากคุณทินกร ลาวัณย์เสถียร ประธานหอการค้าจังหวัดระยอง กล่าวเปิดงาน โดยดร.วุฒิ ด่านกิตติกุล ผู้อำนวยการเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) สวทช. กล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่เข้าร่วมงาน

ในการนี้ ดร.อรรณพ คล้ำชื่น ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยการวิเคราะห์ระดับนาโนขั้นสูง ความปลอดภัยและสารสนเทศ นาโนเทค สวทช. ร่วมบรรยายและการสาธิตเทคโนโลยี N-sense ต้นแบบอุปกรณ์วิเคราะห์สารตกค้าง BY2 (Basic Yellow 2) ในทุเรียนแบบพกพา ซึ่งเครื่องมือที่นาโนเทคพัฒนาขึ้นนั้น ประกอบด้วย 2 ส่วนหลักคือ ขั้วเซ็นเซอร์เคมีไฟฟ้าที่จำเพาะกับสาร BY2 และเครื่องอ่านและประมวลผลแบบพกพา โดยมีจุดเด่นเรื่องของการใช้งานสะดวก สามารถนำไปใช้ได้ทุกที่ เสมือนยกห้องแล็บมาไว้ในมือ ย่นระยะเวลาในการตรวจจากวิธีในการตรวจวัดแบบมาตรฐานที่ทางเกษตรกรหรือโรงคัดบรรจุ (ล้ง) ใช้อยู่ ซึ่งต้องส่งตัวอย่างเพื่อตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการเท่านั้น ใช้เวลา 48 ชั่วโมง เหลือเพียง 20 นาทีเมื่อตรวจคัดกรองด้วย “N-sense” ค่าใช้จ่ายน้อยลงกว่า 10 เท่า แต่ความแม่นยำสูง สามารถรายงานค่าความเข้มข้นต่ำสุดได้ต่ำถึง 0.56 ppb อย่างแม่นยำ ซึ่งดีกว่ามาตรฐานการส่งออกของจีนที่กำหนดให้มีปริมาณสาร BY2 ไม่เกิน 2.0 ppb

การสัมมนา “การจัดการทุเรียนไทยในวันที่โลกรวน: เทคโนโลยีและข้อมูลนำทาง เพื่อลดความเสี่ยง เพิ่มความยั่งยืน” นี้ นอกเหนือจากนำเสนอนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับชาวสวนทุเรียน ยังมีข้อมูลความรู้จากผู้เชี่ยวชาญหลากหลายด้าน และการเสวนา เรื่อง สถานการณ์ทุเรียนและการปรับตัวของชาวสวนทุเรียนไทยเพื่อความยั่งยืน ซึ่งจะช่วยถ่ายทอดและนำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาและการรับมือสถานการณ์ที่ผันผวนที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมเกษตรมูลค่าสูง โดยมีเป้าหมายให้เกษตรกรไทยมีความรู้ ความเข้าใจ ความสามารถในการปรับ แปลง และมีความสามารถในการแข่งขันในตลาดระดับโลกอย่างยั่งยืนและมั่นคง