นาโนเทค สวทช. จับมือหอการค้าจังหวัดระยอง ดัน ‘นวัตกรรมฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว’ สร้างความเชื่อมั่นยุคโควิด-19

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) นำโดย ดร.วรรณี ฉินศิริกุล ผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทค เปิดเวทีพูดคุยเกี่ยวกับ “นวัตกรรมซิงก์ไอออนฆ่าเชื้อโรค: ตัวช่วยสร้างความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว” โดยมี นางสาวธนิชญา ชินศิรประภา รองประธานหอการค้าจังหวัดระยอง นายสุดชาย สิงห์มโน ตัวแทนจากห้างแสงทองซุปเปอร์เซนเตอร์ พร้อมด้วยนายธนากร ตั้งเมธากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิซิล กรุ๊ป จำกัด และดร.วรายุธ สะโจมแสง นักวิจัยนาโนเทค ร่วมพูดคุยถึงสถานการณ์และประสบการณ์การใช้นวัตกรรมเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวและประชาชนในจังหวัดระยอง


ดร.วรรณี ฉินศิริกุล ผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สวทช. กล่าวว่า งานวิจัยที่ใช้แก่นความรู้เรื่องของนาโนเทคโนโลยีในการพัฒนานวัตกรรมที่สามารถตอบโจทย์เรื่องของสุขภาพการแพทย์ ภายใต้เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy: BCG) ของประเทศ ซึ่งศาสตร์นาโนเทคโนโลยีเป็นการมองลึกลงไปในระดับโมเลกุล ระดับนาโนเมตร เป็นศาสตร์เล็กที่ไม่เล็ก เพราะสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ซึ่งมีประโยชน์ต่าง ๆ มากมาย อาทิ งานด้านสมุนไพรไทยที่ตอบแผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทยฉบับที่ 1 พ.ศ. 2560-2564 โดยนาโนเทคใช้เทคโนโลยีการกักเก็บ/ห่อหุ้มสารสกัดหรือสารออกฤทธิ์ที่ก่อให้เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึม สามารถนำส่งไปยังจุดหมายปลายทางที่สามารถดูดซึมได้ดี อาทิ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากน้ำมันเมล็ดงาม้อน

“มหาวิกฤตโควิด-19 เป็นความท้าทาย ไม่เฉพาะของเรา แต่ทั้งโลก นาโนเทคเอง พยายามทุ่มเททำงานเพื่อตอบโจทย์โควิด-19 ดังเช่น เบนไซออน ที่มาจากการพัฒนาเทคโนโลยีนาโนคีเลตจากซิงค์ไอออน ที่มาจากอาหารเสริมสัตว์ โดยที่มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรค รวมถึงงานวิจัยอื่น ๆ อีกมาก” ดร.วรรณีกล่าว


ด้าน นางสาวธนิชญา ชินศิรประภา รองประธานหอการค้าจังหวัดระยอ เผยว่า จังหวัดระยองเป็นจังหวัดที่ใกล้กรุงเทพฯ โอกาสที่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติมาเที่ยวง่ายและสะดวก ดังนั้น ระยองจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่เข้าถึงง่ายทั้งวันหยุดระยะสั้น ระยะยาว นอกจากนี้ ยังมีแหล่งท่องเที่ยวมากมายทั้งทะเล สวนผลไม้ หรือแหล่งเกษตรเพื่อการท่องเที่ยว ดังนั้น สิ่งที่น่าสนใจของระยองจึงมีจุดเด่นเป็นแหล่งธรรมชาติ ทั้งทะเล ภูเขา และเกษตร ไม่ใช่แค่สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น

นอกจากด้านการท่องเที่ยว รองประธานหอการค้าจังหวัดระยองกล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมก็เป็นอีกส่วนที่ทำให้มีคนเดินทางมาที่ระยอง ซึ่งเป็นกลุ่มที่เดินทางมาเพื่อดูงาน

“สถานการณ์ของระยองก่อนโควิด-19 ในปี 2562 การท่องเที่ยวของระยองดีมาก มีนักท่องเที่ยวสูงถึง 3 ล้านคนโดยกว่าครึ่งหรือ 1.6 ล้านอยู่ที่เกาะเสม็ด แต่เมื่อเกิดโควิด นักท่องเที่ยวเหลืออยู่เพียง 20% ที่เกาะเสม็ด แต่ในตัวเมือง เหลือไม่ถึง 10% ดังนั้น ตั้งแต่ปี 2563 คนในภาคธุรกิจบริการและการท่องเที่ยว ต่างพยายามรักษามาตรฐานของพื้นที่ของตนให้พร้อม เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวไทย ทดแทนนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงเป็นการตอบรับนโยบายของรัฐบาลและประเทศอีกด้วย” นางสาวธนิชญากล่าว

พร้อมชี้ว่า จุดนี้ กำลังเป็นระลอกที่ 3 ของทั้งประเทศ แต่สำหรับระยอง นับเป็นระลอก 4 เราเจอซ้ำแล้วซ้ำเล่า แทบจะเดือนเว้นเดือน ดังนั้น หอการค้าจังหวัดระยองได้ร่วมกับภาครัฐจัดกิจกรรมเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว รวมถึงประชาชนในพื้นที่ให้มีความมั่นใจ กล้าที่จะใช้จ่าย


นายสุดชาย สิงห์มโน ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ห้างแสงทองซูเปอร์เซ็นเตอร์ กล่าวว่า การค้าปลีก เป็นชีวิตประจำวันของคนเรา ด้วยระยองมีคนท้องถิ่นราว 7 แสนคน มีคนที่มาทำงานอีกราว 8 แสนคน ดังนั้น เมื่อโควิดมา นักท่องเที่ยวหาย กลุ่มผู้ประกอบการ พ่อค้าแม่ค้า ก็กระทบ รวมมาถึงค้าปลีก ที่โดนผลกระทบเช่นกัน เพราะเมื่อคนมีรายได้น้อย กำลังซื้อก็น้อยลง แต่ก็ยังมี เพราะแม้เมื่อนักท่องเที่ยวหายไป เรายังคงมีกลุ่มคนที่อยู่ในระยอง

“เรามีโอกาสได้รู้จักกับทีม สวทช. และได้นำผลงานวิจัยมาช่วยภาคธุรกิจของจังหวัดระยอง ผ่านทางหอการค้าจังหวัดระยอง โดยหนึ่งในนั้นก็มีเบนไซออน ซึ่งก็ได้นำไปทดลองใช้ฉีดพ่น เช็ดทำความสะอาด ซึ่งแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ที่เขาใช้กันปกติ โดยไม่มีกลิ่นกวนใจ ก็น่าสนใจ และต่อยอดนำผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเบนไซออนไปวางจำหน่ายในห้าง รวมถึงมีการฉีดพ่นที่เทศบาล รวมถึงส่วนของห้องประชุมต่าง ๆ ของหอการค้าอีกด้วย”

นายธนากร ตั้งเมธากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิซิล กรุ๊ป จำกัด ผู้รับถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ผลิตภัณฑ์เบนไซออน กล่าวว่า บริษัทมีการร่วมมือกับนาโนเทค และ ดร.วรายุทธ สะโจมแสง เจ้าของงานวิจัยอย่างต่อเนื่อง โดยจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ และมองเห็นโอกาส ด้วยมีความปลอดภัยสูง ไม่เป็นพิษ เมื่อย่อยสลายแล้วสามารถเป็นปุ๋ย/อาหารสัตว์ได้ จึงต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์ในชีวิตประจำวัน จึงพัฒนาผลิตภัณฑ์เบนไซออน ที่สามารถตอบโจทย์ของของโรคระบาด โดยมีการนำไปใช้ในหลายพื้นที่ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน เทศบาล ฯลฯ ซึ่งผลิตภัณฑ์นี้ สามารถตอบโจทย์เรื่องความปลอดภัย และประสิทธิภาพ ที่มีผลการทดสอบที่ได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล

ขณะเดียวกัน เมื่อพูดถึงประเด็นของ “นวัตกรรม” ที่จะเป็นตัวช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ ดร.วรรณีมองว่า ความเชื่อมั่นในสภาวะวิกฤตต้องเกิดจากความร่วมมือและความเชื่อมั่นของผู้วิจัยพัฒนา ที่ทำงานและพร้อมจะหยิบจับเอามาใช้ตอบโจทย์ในภาวะวิกฤตต่าง ๆ

“การนำนวัตกรรมไปใช้ จำเป็นต้องมีคนที่เชื่อเหมือนกันและนำงานวิจัยไปสู่ผู้ใช้ รับถ่ายทอดเทคโนโลยี ไปสู่เชิงพาณิชย์ ให้โอกาสนวัตกรรมที่คนไทยพัฒนาขึ้นเองไปใช้ และต้องการการสื่อสารให้คนรู้จักและเข้าใจ สิ่งสำคัญคือ ความรวดเร็วในการทำงานให้ทันสถานการณ์”

นอกจากนี้ ดร.วรรณีย้ำว่า การวิเคราะห์ทดสอบ/มาตรฐาน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนวัตกรรมไทย อย่างโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพของประเทศ (National Quality Infrastructure หรือ NQI) ที่เป็นอีก 1 ทัพใหญ่ที่เราต้องสร้างเพื่อให้เกิดมาตรฐานที่สามารถอ้างอิงผลและประสิทธิภาพให้กับนวัตกรรมไทย สำหรับผู้ใช้ทั้งในประเทศ และโอกาสในการขยายสู่ตลาดต่างประเทศ

รองประธานหอการค้าจังหวัดระยอง มองว่า การนำนวัตกรรมมาใช้ในวิกฤต ถือว่า สำคัญมาก ระยองไม่มีเพียงนักท่องเที่ยว แต่มีคนที่มาทำงานในนิคมอุตสาหกรรมจำนวนมาก การสร้างความมั่นใจให้บุคคลต่าง ๆ ที่ครอบคลุมทั้งการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมเป็นสิ่งจำเป็น

“คนไทยจำนวนมากมองว่า โควิด-19 เป็นสิ่งที่น่ากลัวและพยายามวิ่งหนี แต่เราไม่ได้มองว่า เราจะอยู่กับมันอย่างปลอดภัย เพราะสิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อธุรกิจไม่เพียงแค่การท่องเที่ยว แต่เป็นทั้งซัพพลายเชน ทุกคนต้องรู้ว่า วิกฤตมาแล้วเราจะอยู่กับมันอย่างไร สิ่งสำคัญคือ การสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ภาคธุรกิจ ผู้มาประชุมสัมมนา การนำนวัตกรรมมาใช้สร้างความเชื่อมั่นจะมีผลที่ดีต่อภาคธุรกิจและการท่องเที่ยว” นางสาวธนิชญากล่าว พร้อมย้ำว่า ภูมิใจที่ไทยมี สวทช. ที่มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมให้คนไทย

ด้านผู้ประกอบการที่เป็นผู้ใช้นวัตกรรมเบนไซออนเพื่อฆ่าเชื้อโรคในพื้นที่ธุรกิจ สร้างความปลอดภัยและความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าอย่างห้างแสงทองซุปเปอร์เซ็นเตอร์ นายสุดชายมองว่า สิ่งสำคัญคือ การเข้าถึงนวัตกรรมไทย ซึ่งหากตัวเองไม่รู้จัก สวทช. และไปเจอผลิตภัณฑ์แบบนี้ จะเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ได้อย่างไร จะติดต่อใคร จะใช้งานอย่างไร ดังนั้นจึงมองว่า ภาครัฐควรมีการรวบรวมข้อมูลที่ผู้ประกอบการหรือประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูล โดยที่มีมาตรฐาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่าง ๆ กล้าที่จะออกมาใช้ชีวิต จับจ่ายใช้สอยตามปกติ

“วิกฤตโควิด-19 ทำให้พฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของคนเปลี่ยนไป ช้อปปิ้งออนไลน์เพิ่มมากขึ้น แต่คนยังอยากที่จะออกมาเลือก ออกมาหยิบจับซื้อของ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่ต้องการข้อมูลมาสนับสนุน ดังนั้น หากมีหน่วยงานภาครัฐที่นำนวัตกรรมมานำเสนอ มีการสนับสนุนเป็นองค์รวม จะสร้างความเชื่อมั่น และเปิดโอกาสให้เข้าถึงนวัตกรรมไทยได้อย่างกว้างขวางขึ้น สามารถเดินหน้ากันได้ทั้งองคาพยพ”

ที่สำคัญ คุณสุดชายย้ำว่า ที่มาของนวัตกรรมเป็นสิ่งสำคัญ แต่ผลลัพธ์หรือผลการทดสอบ ทดลองใช้ที่หากนำเสนอ ก็จะยิ่งสร้างความมั่นใจมากยิ่งขึ้น เอื้อให้เกิดการสื่อสารออกไปในวงกว้าง สร้างความเข้าใจ ให้คนกล้าที่จะลองใช้ของใหม่ได้ง่ายขึ้น ในขณะเดียวกัน โปรโมชั่นและการตลาดที่ตอบความต้องการของผู้บริโภคก็จะสร้างความคุ้นชินให้ผู้บริโภค มั่นใจ นำไปสู่ความพร้อมที่จะอยู่กับโควิดอย่างปลอดภัย” ผู้บริหารของห้างแสงทองซุปเปอร์เซ็นเตอร์กล่าว